วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551
ภัยจากเกมส์อินเทอร์เน็ต
ตกเป็นดาราหนังโป้เพราะWebcam
สุดยอดบรอดแบนด์(Broadband)
วิธีการทำงานของบรอดแบนด์
บรอดแบนด์ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า ADSL (Asymmetric Digital Subscriber Line) และต้องใช้โมเด็มภายนอกเสียบเข้ากับช่องเสียบ USB หรือช่องเสียบการ์ด Ethernet ของคอมพิวเตอร์ของคุณ การเลือกใช้สื่อสำหรับใช้ส่งข้อมูลแบบบรอดแบนด์ (เช่น สายเคเบิล) อาจทำให้จำเป็นต้องติดตั้งสายโทรศัพท์ใหม่ในที่อยู่อาศัยของคุณเพื่อที่จะสามารถให้บริการบรอดแบนด์แก่คุณได้ คุณอาจสามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์เดิมของคุณต่อไปได้ แม้ในขณะที่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณยังคงดำเนินอยู่ และคุณกำลังท่องเน็ตอยู่นั้น คุณยังคงสามารถโทรออกและรับสายได้หากคุณใช้สายโทรศัพท์แบบบรอดแบนด์ เนื่องจากคุณลักษณะของบรอดแบนด์จะมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลได้มากมาย และเนื่องจากระบบดังกล่าวเป็นดิจิตอล คุณภาพที่ได้จึงดีเยี่ยม
การใช้บรอดแบนด์
• บรอดแบนด์ช่วยเพิ่มประสิทธิผลของพนักงานของคุณ
• บรอดแบนด์ช่วยให้คุณบริการลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
• บรอดแบนด์อาจสามารถใช้กับสายโทรศัพท์หรือบริการสายเคเบิลที่คุณมีอยู่ได้
• ช่วยให้คุณมั่นใจว่าคุณมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ถูกต้องใช้อยู่สำหรับการทำธุรกิจแบบออนไลน์
ปัจจุบันมีการแข่งขันค่อนข้างสูงในการยิงชิงตำแหน่งของการเป็นผู้นำในด้านไม่เว้นแม้แต่ทางด้านการบริการทางเทคโนยีดังกล่าว การสำรวจพบ ประเทศญี่ปุ่นคือประเทศที่มีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์ประสิทธิภาพเยี่ยมยอดที่สุดในโลก ชนะสวีเดน และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งทำสถิติเหนือกว่าประเทศใดๆในยุโรป ทั้งที่สองประเทศนี้เพิ่งจะลงทุนสร้างโครงข่ายไฟเบอร์ออปติคความเร็วสูงและอัปเกรดเครือข่ายเคเบิลทีวีไป การสำรวจครั้งนี้ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดภายใต้การสนับสนุนของผู้ผลิตเครือข่ายอย่างซิสโกซิสเต็มส์ (CiscoSystems) ทำการสำรวจโดยเก็บวัดค่าจากเว็บไซต์ Speedtest.net เป็นหลัก ซึ่งผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตของตัวเองได้จากเว็บไซต์ดังกล่าว ผู้สำรวจนำผลการทดสอบกว่า 8 ล้านครั้งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไปประมวลเพื่อคำนวณเป็นคะแนนคุณภาพอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทั้งค่าความเร็วในการอัปโหลด ดาวน์โหลด และระยะเวลาที่แพคเก็จข้อมูลใช้ในการเคลื่อนที่จากต้นทางไปปลายทาง โดยการพิจารณาคะแนนเหล่านี้พบว่า หลายประเทศอย่างอังกฤษ สเปน ออสเตรเลีย และอิตาลี นั้นยังมีค่าเฉลี่ยคะแนนในระดับค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่เหมาะกับการใช้แอปพลิเคชันคุณภาพสูงอย่างการชมวีดีโอออนดีมานด์ การสนทนาด้วยวีดีโอ และการแชร์ไฟล์ Fernando Gil de Bernabe ผู้จัดการทั่วไปของซิสโกแสดงความประหลาดใจเมื่อประเทศเล็กๆอย่างลัทเวีย (Latvia) สามารถครองแชมป์ประเทศที่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงประสิทธิภาพเยี่ยมอันดับ 4 ของโลก ซึ่งลัทเวียก็ยังมีจำนวนผู้ใช้งานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตไม่กี่ครัวเรือนเท่านั้น เช่นเดียวกับประเทศสโลวาเนียและลิธัวเนียซึ่งติดอันดับ 1 ใน 10 ด้วยสำหรับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกานั้นอยู่ในอันดับที่ 16 รัสเซียอยู่อันดับที่ 17 นำหน้าบัลแกเรียแต่ต่ำกว่าฟินแลนด์ การจัดลำดับในครั้งนี้ไม่ได้คำนึงถึงความแพร่หลายในการใช้บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต และระดับราคาในการให้บริการ โดยซิสโก ในฐานะผู้สนับสนุนการสำรวจจะได้ประโยชน์จากสำรวจครั้งนี้เต็มที่ เพราะซิสโกนั้นจำหน่ายอุปกรณ์เครือข่ายอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว การสำรวจครั้งนี้จะทำให้ซิสโกรู้ว่าตลาดใดจะต้องมีการอัปเกรดระบบเพื่อให้รองรับความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตของประชาชนในชาติต่อไป
ต่อไปนี้คือ 10 อันดับประเทศที่มีบรอดแบนด์ประสิทธิภาพเยี่ยมยอดที่สุดในโลก 1.ญี่ปุ่น 2.สวีเดน 3.เนเธอร์แลนด์ 4.ลัทเวีย 5.เกาหลี 6.สวิตเซอร์แลนด์ 7.ลิธัวเนีย 8.เดนมาร์ก 9.เยอรมนี 10.สโลวาเนีย
ประเทศไทยยังไม่ติดอยู่ในอันดับที่น่าพึงพอใจนอกจากไม่ติดอันดับแล้ว หลายๆคงก็ยังประสบปัญหาเดียวกันคือเสียค่าบริการในการใช้อินเตอร์เน็ตในราคาสูงแต่คุณภาพไม่เหมือนกับที่โฆษณาซึ่งหากผู้ประกอบการยังไม่สามารถให้บริการได้เหมือนที่ตนอ้างก็ไม่สมควรที่จะทำการโฆษณาเพราะนอกจากจะทำให้ลูกค้าเสียความรู้สึกแล้วไม่เป็นการดีที่อาจจะโดนกล่าวหาจากนานาชาติที่ได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริการดังกล่าวที่ไม่ยุติธรรมว่าเป็นประเทศที่มีแต่คนชอบหลอกลวง.....
นักตกปลาผู้ชั่วร้าย บนโลกไซเบอร์
การป้องกันตนเองจากฟิชชิ่ง การป้องกันตนเองจากกลอุบายใดๆดูเหมือนว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตนให้เป็นคนช่างสังเกต ช่างสงสัย และระแวดระวัง ซึ่งคงเป็นไปได้ยากสำหรับหลายๆคนที่เมื่อถึงคราวที่ประสบกับเหตุการณ์จริงก็คงจะลืม และถูกชักจูงให้คล้อยตามอยู่เสมอ เหมือนที่อุบายตกทองที่ยังสามารถใช้ได้ผลอยู่จนทุกวันนี้ อย่างไรก็ตามเทคนิคฟิชชิ่งนั้นมีข้อสงสัยที่ควรต้องระแวดระวังต่อไปนี้
เทคโนโลยีคือความสะดวก หรือ ต้นเหตุของความห่างไกลกันแน่?
มาฝึกฟัง-อ่านข่าวภาษาอังกฤษง่ายๆจากเว็บไวด์กันเถอะ
voanews คืออะไร? VOA ย่อมาจาก Voice of America หรือในภาษาไทยเรียกว่า “เสียงอเมริกา” เป็นสถานีวิทยุที่ถูกสร้างขึ้นในยุคสงครามเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการเผชิญหน้ากันระหว่างโลกเสรีนิยมกับโลดคอมมิวนิสต์ VOA ก็คือกระบอกเสียงสำคัญในการเผยแพร่ข่าวสารหลักของโลกเสรีในประเทศฝ่ายพันธมิตร (ฝ่ายของประเทศอเมริกา) ถือว่าสงครามสื่อของอุมการณ์ที่ทรงพลังอย่างยิ่งในช่วงเวลานั้น
ปัจจุบัน VOA เปลี่ยนรูปร่างมาอยู่ในรูปของ Internet ซึ่งภายในเว็บไซด์นั้นมีให้เลือกถึง 52 ภาษา (VOA ภาคภาษาไทยก็มีนะ) มีหน้าที่เหมือนสถานีวิทยุกระจายเสียงที่นำเสนอเหตุการณ์ปัจจุบันทั่วโลก รายงานข่าวเศรษฐกิจ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม การศึกษาและสังคม เรื่องสตรี ข่าวบันเทิง และวัฒนธรรมอเมริกา เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารและวัฒนธรรมไปทั่วโลก และที่โดดเด่นไปกว่านั้นภายในเว็บไซด์ VOA ยังมีบทความที่เตรียมไว้สำหรับผู้ที่ต้องการฝึกฟังอีกด้วย จากที่ฟังข่าวไม่ทันจริงๆไม่ทันซักที ที่นี่จะเปิดโอกาสให้เราได้ฝึกฟังภาษาอังกฤษฉบับพิเศษ อ่านช้าๆฟังชัดๆให้ผู้ใฝ่หาความรู้อย่างเราเข้ามาฝึกกัน แถมนื้อหาให้อ่านอีกต่างหาก ช่างรู้ใจเสียจริงๆ ส่วนวิธีการเข้าไปใช้งานก็ตามมาทางนี้เลยคะ
ขั้นที่ 1 เพียงเข้าไปที่ http://www.voanews.com เพื่อนๆจะพบคำว่า VOA English อยู่ด้านบนสุดของจอ ให้คลิกเลือกเพื่อเข้าสู่หน้าฝึกภาษาอังกฤษ
ขั้นที่ 2 เมื่อเข้าไปที่หน้า VOA English แล้วให้เลื่อนไปที่มุมด้านล่างซ้ายมือ จะพบรูปหนังสือซึ่งเขียนหัวข้อว่า Learning English “Articles in Special English” ให้คลิกเข้าไปได้เลยคะ
ขั้นที่ 3 จะปรากฏข่าวและบทความมากมายเอาไว้ให้พวกเราได้เลือกฟังตามความสนใจ
ขั้นที่ 4 จะปรากฏเนื้อหาของบทความนั้นๆขึ้นมาเพื่อให้เราได้อ่านและฟังได้ด้วย โดยเพื่อนๆสามารถคลิกที่รูปลำโพงสีน้ำเงิน จะเลือกเป็น Audio, MP3 หรือ Real Audio ก็ได้ เพื่อดาวน์โหลดเสียงประกอบบทความ
เสียงจากบทความจะพูดแบบช้าๆ เพื่อให้พวกเราได้ฝึกอ่านและฟังเสียงจากเจ้าของภาษาได้ง่ายและรู้เรื่องขึ้น ซึ่งคิดว่าเพื่อนๆคงไดประโยชน์อย่างมากจาก VOA แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าในส่วนของ VOA ภาคภาษาไทยซึ่งถูกก่อตั้งมายาวนานกว่าค่อนศตวรรษพร้อมกับ VOA ภาษาอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง ได้ถูกปิดตัวลงในสิ้นปี พ.ศ. 2550 อย่างไรก็ตาม เราก็ยังสามารถเข้ามาฝึกทักษะการฟัง-อ่านได้ที่ VOA ภาคภาษาอังกฤษคะ
Future e-book
E-book หรือหนังสือที่สามารถซื้อหาและดาวน์โหลดมาอ่านได้ผ่านอินเตอร์เน็ต ได้รับการบุกเบิกในต่างประเทศมาหลายปีแล้ว และสำหนับในประเทศไทยตลาดหนังสือดิจิตอลก็ค่อยๆกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆซึ่งในทางหนึ่งก็เป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับบรรดาผู้ปกครองที่เป็นกังวลว่า คอมพิวเตอร์หรืออินเตอร์เน็ตจะทำงานโอกาสและเวลาในการอ่านหนังสือของเด็กๆ เพราะมันได้กลายเป็นประตูบานสำคัญ ในการพาเด็กๆเข้าสู่โลกแห่งตัวหนังสือ ความรู้ความคิดอันหลากหลายกว้างไกล ไม่จำกัดอยู่แต่เพียงบนแผงหนังสือเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้แต่ในต่างประเทศที่การคิดค้นและพัฒนาซอฟท์แวร์ในการสร้างและส่งผ่านหนังสือดิจิตอลทางอินเตอร์เน็ต (รวมทั้งการแก้ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ ก้าวไปไกลแล้ว ผู้จัดจำหน่าย E-book ยี่ห้อต่างๆ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งเป้าเอาดิบดีอยู่นั่นเอง ผิดพลาดกับตลาดเพลงแบบดิจิตอลในรูปแบบ MP3 ที่มาแรงแซงเพลงในรูปแบบเทปและซีดี จนหลายค่ายต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองมาเข้ากับระบบดิจิตอลอย่างเร่งด่วน ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราๆก็ยังลังเลอยู่ไม่น้อยที่จะเลือกซื้อหนังสือดิจิตอล ทั้งที่เวลาไปยืนอยู่หน้าแผงหนังสือเราสามารถตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มหนึ่งที่เราชอบได้อย่างรวดเร็ว แม้ราคาจะแพงกว่าในรูปแบบดิจิตอลพอสมควรก็ตาม คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ปัจจัยอะไรกันแน่ที่สกัดกั้นความสำเร็จของ E-book คำตอบของคำถามนี้ อาจจะหาได้จากการชั่งข้อดี-ข้อเสียของมัน เมื่อเปรียบเทียบกับหนังสือแบบเล่มก็ได้
ตัวแทนคนรักหนังสือรูปแบบเดิม แฟรงคลิน พอล (Franklin Paul) ผู้ที่มีอาชีพเป็นช่างภาพและเป็นนักเขียนสารคดีท่องเที่ยวได้ให้ความเห็นไว้ตั้งแต่สองสามปีก่อนว่า เขาไม่เห็นด้วยเลยกับใครที่เชื่อว่า E-book จะมาตีตลาดหนังสือทั่วไปได้ เนื่องจาก “There is just something about reading long documents on paper which cannot be replicated” แปลได้ความว่า “มันมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการอ่านหนังสือเรื่องยาวๆบนหน้ากระดาษ ซึ่งไม่อาจทดแทนได้ด้วยการอ่านจากหน้าจอ” บางอย่างที่ว่านั้น หลายคนอาจเดาว่าเป็นการที่เราสามารถจะ “พลิก” และ “คั่น” หน้ากระดาษด้วยมือของเราเวลาที่อ่านหนังสือ ในขณะที่เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ นอกจากนี้การนั่งจ้องหน้าคอมพิวเตอร์ที่แสนจะสว่างและทำลายสายตาก็ไม่น่าพิสมัยนัก สำหรับคนที่สุขภาพตาไม่แข็งแรง
กระนั้นก็ตาม ก็ยังมีเสียงบางคนอ้างถึงข้อดีของ E-book ที่ปฏิเสธไม่ได้นั่นก็คือ ความกะทัดรัด ง่ายต่อการเก็บรักษา และพกพานั่นเอง “As with digital music, multiple books-say, Shakesreare’s collected work- - can be stored on memory card the size of stick of gum, making them popular with travelers, students and professionals.” ก็คือ เหมือนกับดนตรีในรูปแบบดิจิตอลหนังสือจำนวนมากมายอย่างเช่น “รวมงานเขียนทุกชิ้นของเชคสเปียร์” สามารถรวมกันอยู่ภายในเมมโมรีการ์ดขนาดเท่ากับหมากฝรั่งชิ้นเดียวเท่านั้น สิ่งนี้ช่วยให้หนังสือดังกล่าวเป็นที่ฮอตฮิตในหมู่นักท่องเที่ยว นักเรียน และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย
นอกจากนี้ยังมีข้อเด่น-ข้อด้อยอื่นๆ ของ E-book เมื่อเปรียบเทียบกับหนังสือที่เป็นรูปเล่มอีกหลายข้อ ลองไปดูกันคะ เผื่อว่าจะช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อหนังสือให้เหมาะสมกับความต้องการ และพฤติกรรมการอ่านของทุกคนได้บ้างคะ
ข้อดี
1. อ่านในที่มืดได้
2. จัดหมวดหมู่ง่าย หาง่าย
3. ช่องทางเข้าถึงหนังสือกว้างขว้างมาก หลากหลายประเภท ตอบความต้องการของแต่ละบุคคลได้
4. ส่งต่อ, เผยแพร่ง่าย สะดวก ประหยัด
5. ดูตัวเอย่าง (บางส่วนหรือทั้งหมด) ได้ก่อนตัดสินใจซื้อ
ข้อเสีย
1. ต้องใช้ไฟ แบตเตอรี่
2. ต้องมีความรู้เรื่องเทคโนโลยีพอสมควร
3. เข้าถึงง่ายเกินไป จนควบคุมดูแลยาก และอาจส่งผลเสียหากขาดวิจารณญาณ
4. ควบคุมปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ได้ยาก
5. ไม่ได้เห็นรูปร่างหน้าตา และสัมผัสรูปเล่ม
อย่างที่เห็นนะคะว่า E-book มีข้อดีอยู่หลายอย่าง แต่ก็มีข้อเสียหลายประการเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้หนังสือเป็นเล่มยังคงความนิยมตลอดกาล ซึ่งแม้แต่ E-book ที่ทั้งราคาถูกและสะดวกสบายก็ไม่สามารถสั่นคลอนบัลลังก์ได้ ก็คือเสน่ห์แห่ง “สัมผัส” ของหนังสือ ซึ่งให้ความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของและสร้างพื้นที่ส่วนตัวบางอย่างที่หน้าจอมอนิเตอร์ไม่อาจสร้างได้ นอกจากนี้มันยังมีมิติทางชนชั้นและทางวัฒนธรรม รวมไปถึงเป็นตัวบ่งชี้ความเป็นไปของยุคสมัย หนังสือยิ่งเก่าเก็บ ยับเยิน ยิ่งบ่งบอกถึงคุณค่า รวมถึงความผูกพันที่เจ้าของและหนังสือมีให้แก่กัน หนังสือที่มีน้อยหรือถูกห้ามในอดีตก็บ่งบอกบริบททางสังคมบางอย่างที่เนื้อหาของมัน (ที่เราสามารถหาอ่านได้จากอินเตอร์เน็ต) ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ตามเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทั้งหนังสือทั่วไปและหนังสือดิจิตอล ก็เกื้อหนุนกันอยู่แล้ว หนังสือบางเล่มในปัจจุบันนี้ ก็ก่อสร้างตัวมาจากอินเตอร์เน็ตถูกอ่าน เผยแพร่ วิพากษ์วิจารณ์ จนกระทั่งเป็นที่นิยม และได้รับการพิมพ์ออกมาให้เป็นรูปเล่มให้คนรักหนังสือได้ซื้อเก็บในทางกลับกัน หนังสือหลายเล่มเปลี่ยนสถานะกลายเป็นหนังสือคลาสสิค หายาก และผู้คนก็อาจจะไม่มีโอกาสได้อ่าน หากมันไม่ได้รับการแปลงไปอยู่ในรูปของไฟล์ดิจิตอล ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าหนังสือทั้งสองชนิดแท้จริงแล้วทำงานงานร่วมกันเป็นกระบวนการโดยการสร้างโอกาส และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคนั่นเองคะ
นางสาวดวงใจ ดอกจันทร์
รหัส4819104
การแพทย์สมัยใหม่กับทางรอดของชีวิต
นับวันความก้าวหน้าทางการแพทย์ยิ่งจะทำให้มนุษย์เราสามารถไว้วางใจในชีวิตได้มากยิ่งขึ้นทุกขณะ เพราะไม่เพียงแต่การคงไว้ซึ่งสุขอนามัยที่ดีของร่ายกายเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความมั่นคงทางด้านจิตใจด้วย
ความก้าวหน้าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นเกิดขึ้นมาได้จากการพัฒนาและวิวัฒนาการอันชาญฉลาดของมนุษย์ทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยนั่นเอง เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ เริ่มขยายตัวมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะในด้านของการสื่อสาร การคมนาคม การพาณิชย์ รวมถึงด้านต่าง ๆ อีกมากมาย และหนึ่งในหลาย ๆ ด้านเหล่านั้นก็คือ ความเทคโนโลยีทางการแพทย์หรือในวงการแพทย์นั่นเอง
ในอดีต เราจะเห็นได้ว่าโรคบางชนิดสามารถรักษาได้ค่อนข้างยาก หรืออาจจะรักษาไม่ได้เลย ทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างมากมายมหาศาล สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับญาติและคนใกล้ชิดของผู้เสียชีวิตอย่างมาก หรือไม่ ในการรักษานั้นก็ต้องได้รับการรักษาโดยวิธีผ่าตัดเพียงอย่างเดียว ที่ซึ่งในอดีตเป็นวิธีการที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บอันเนื่องมาจากการผ่าตัดที่ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาตัวนาน หรือเกิดเป็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่จากการผ่าตัด เป็นต้น แต่ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีได้รับการพัฒนามากยิ่งขึ้น ก็สามารถจัดการกับโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
วิทยาการต่าง ๆ ที่เข้ามามีบทบาทในวงการแพทย์สมัยใหม่ เช่น การใช้เลเซอร์ช่วยในการผ่าตัดแทนการใช้มีดผ่าตัด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากในทางการแพทย์ในปัจจุบันที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากและคงจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ช่วยให้แพทย์สามารถย่นระยะเวลาในการผ่าตัดให้เร็วขึ้นกว่าการใช้มีดผ่าตัด ทำให้แพทย์สามารถให้การรักษาผู้ป่วยรายอี่นๆได้มากขึ้นในแต่ละวัน และลดความเหนื่อยล้าของแพทย์จากการผ่าตัด และผู้ป่วยก็ใช้เวลาในการพักฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และในบางราย หลังจากการผ่าตัดเสร็จแล้ว ก็สามารถที่จะกลับบ้านได้เลย นอกจากนี้ ในส่วนของการเกิดแผลเป็นหลังการผ่าตัด ก็เป็นปัญหาที่น้อยและมีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด และในบางรายก็เกือบจะไม่เห็นแผลเป็นเลย เทคโนโลยีนี้จึงมีผลดีต่อทั้งผู้ป่วยและแพทย์ผู้ที่ให้การรักษาเป็นอย่างมาก ตลอดจนบุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยอีกด้วย
นอกจากนี้ เทคโนโลยีก็ยังถือว่าช่วยแบ่งเบาภาระของแพทย์และทีมงานที่เป็นผู้รักษาให้สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง และรักษาได้อย่างตรงจุด ลดการผิดพลาดต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาได้ และเป็นการเพิ่มกำลังใจให้กับแพทย์ ที่กลัวว่าอาจจะรักษาผิดพลาดทำให้ผู้ป่วยได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต และเกิดเป็นคดีความต่างๆ ขึ้นมา ดังที่เราสามารถเห็นได้จากข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ แต่เมื่อมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาก็ดูเหมือนว่าปัญหาเหล่านี้ได้ลดลงในระดับหนึ่งแล้ว
มากกว่านั้น เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทอย่างมาก นอกจากการรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นกับในสังคมหนึ่ง ๆ แล้ว ยังมีเทคโนโลยีอีกด้านหนึ่งที่ปัจจุบันถือว่าได้รับความนิยมและไว้วางใจในการเข้ารักษาจำนวนมาก โดยเฉพาะสุภาพสตรี ซึ่งก็คือเทคโนโลยีในด้านการทำศัลยกรรมทางการแพทย์ ซึ่งเทคโนโลยีในด้านของการทำศัลยกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มสุภาพสตรีมีอยู่มากมาย แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสูดด้วยบทบาทของเทคโนโลยีในด้านดังกล่าวนี้ก็คือ การศัลยกรรมบริเวณหน้าอกของสุภาพสตรีนั่นเอง ที่ได้รับความนิยมในการทำศัลยกรรมมากที่สุด ไม่เพียงแค่นี้ การทำศัลยกรรมบนใบหน้าก็ถือเป็นว่าได้รับความนิยมในระดับหนึ่งเช่นกัน และเนื่องจากการที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและก้าวหน้ามากขึ้นนี้เอง ก็ทำให้การทำศัลยกรรมตกแต่งอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของมนุษย์ เกิดความแตกต่างอย่างมาก ทั้งทางด้านความปลอดภัย ความพึงพอใจของผู้ที่เข้ารับบริการ เมื่อเทียบช่วงเวลาในอดีต
ดังนั้น การเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีต่าง ๆ สู่วงการแพทย์นั้น จึงเป็นผลดีต่อทุก ๆ ฝ่ายอีกทั้งยังทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีความเชื่อมั่น ไว้วางใจแพทย์และทีมงานผู้ทำการรักษามากขึ้นอีกด้วยและ เนื่องด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสมัยใหม่ในด้านต่าง ๆ ของวงการแพทย์นี้ สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนสามารถกล่าวได้ตามความเป็นจริงและถูกต้องก็คือ นับวัน แนวโน้มของการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ต่อวงการแพทย์ก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น และตราบใดที่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสมัยใหม่ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความคิดอันชาญฉลาดของมนุษย์ ผู้เขียนเชื่อได้ว่า ในวันข้างหน้า มนุษย์เราอาจจะลืมหรือไม่รู้จักกับคำว่า “การสูญเสีย” อันเนื่องมาจากโรคภัยไข้เจ็บและอันตรายที่เกิดกับชาวโลกอีกต่อไป
นางสาวจุรีรัตน์ มูลเมือง
รหัส 4819098
E-mail Forward กับน้ำใจเพื่อนมนุษย์
“Electronic mail หรือ e-mail คือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ใช้ตัวย่อว่า หมายถึงการสื่อสารหรือการส่งข้อความ โน้ต หรือบันทึกออกจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ผ่านไปเข้าเครื่องปลายทาง (terminal) หรือเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งโดยส่งผ่านทางระบบเครือข่าย (network) ผู้ส่งจะต้องมีเลขที่อยู่ (e-mail address) ของผู้รับ และผู้รับก็สามารถเปิดคอมพิวเตอร์เรียกข่าวสารนั้นออกมาดูเมื่อใดก็ได้
โดยปกติ จะไม่มีการพิมพ์ข้อความหรือข่าวสารนั้นลงแผ่นกระดาษ นับว่าเป็นการประหยัดกระดาษไปได้ส่วนหนึ่ง โดยทั่วไป ถือกันว่าเป็นงานส่วนหนึ่งของสำนักงานอัตโนมัติ (office automation) ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอันมาก”
ทุกวันนี้โลกของเรามีเทคโนโลยีที่มากมายและหลากหลาย ทั้งเทคโนยีที่เป็นเครื่องมือในการใช้งานต่าง ๆ เทคโนโลยีสารสนเทศ และอื่นๆ หนึ่งในนั้นก็คือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์และได้รับความนิยมอย่างมากในด้านของความรวดเร็ว ที่ทำให้ผู้ใช้บริการประหยัดทั้งเวลา และค่าใช้จ่าย
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือ E-mail ไม่เพียงแต่จะมีประโยชน์ในเรื่องของการส่งข้อความอันเป็นสารไปยังผู้รับสารให้ทราบดังในอดีต ที่เพียงแต่การบอกเล่า ข่าวสาร สารทุกข์สุกดิบแก่กันและกัน ซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักของการส่งจดหมายเท่านั้น แต่E-mailหรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันนั้น ยังเป็นเครื่องมือในการเตือนภัย และเป็นเวทีที่ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ
บ่อยครั้งที่E-mail อันซึ่งได้ส่งต่อ ๆ กันไปจำนวนมาก ที่เรียกกันว่า E-mail Forward ได้เตือนภัยแก่ผู้รับข้อความ อีกทั้งยังสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้หลุดพ้นจากความลำบากหรือความทุกข์ที่เป็นอยู่ได้ ในส่วนของการเตือนภัยนั้น E-mail Forward ถือว่าเป็นเครื่องมือป้องกันอย่างดีรูปแบบหนึ่งของบุคคลทั่ว ๆ ไป โดยเฉพาะผู้หญิง ที่ปัจจุบันนั้นภัยอันตรายต่าง ๆ อาจกล่าวได้ว่าอยู่รอบตัวเลยทีเดียว หลายครั้งที่ E-mail Forward ที่แต่ละคนได้รับนั้น เป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้ผู้หญิง รวมถึงบุคคลในเพศอื่น ๆและในวัยอื่น ๆ ได้รู้จักป้องกันและปกป้องความเสียหายหรือความสูญเสียต่าง ๆได้ดียิ่งขึ้น เพราะตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ภัย หรืออันตรายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้มีหลากหลายรูปแบบ มิจฉาชาชีพมีจำนวนมากขึ้น ตลอดจนอาชญากรรมต่าง ๆ และที่สำคัญ คดีหรือเหตุการณ์หลาย ๆ เรื่องที่เป็นเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองสารทุกข์สุกดิบของประชาชน ซึ่งก็คือ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หรือตำรวจนั้น ก็ยังคงไม่สามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ ดังนั้น แม้ว่าการส่ง E-mail Forward จะไม่ทำให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หรือตำรวจ สามารถจับกุมผู้ต้องหาหรือผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ในทันที แต่ในการส่ง E-mail Forward นี้นั้น อย่างน้อยก็อาจจะสามารถที่จะทำให้ผู้ที่ได้รับข้อความ สามารถป้องกันภัยต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย และยิ่งไปกว่านั้น ในกรณีที่มีการส่ง E-mail Forward ที่ระบุหรือเจาะจงตัวคนร้าย ซึ่งอาจเป็นข้อมูล ตัวหนังสือ หรือภาพ เพื่อให้ผู้รับสารได้ระวังตัวนั้น อาจจะทำให้ผู้รับสารดังกล่าว นอกจากจะป้องกันตัวเองให้พ้นจากอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้บ้างแล้ว ยังอาจจะช่วยในการชี้แจงเบาะแสหรือรายละเอียดเกี่ยวกับคนร้าย หรือการกระทำความผิดเมื่อพบเห็นอันเกิดขึ้นในสังคมได้อีกด้วย
และอีกส่วนหนึ่ง E-mail Forward ยังเป็นเวทีหรือเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในโลกได้อีกด้วย ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะเป็นคนไทยด้วยกันหรือคนต่างชาติหรือแม้แต่สัตว์ เช่น สัตว์ หรือลูกแมวที่เจ้าของตามหาอยู่
เนื่องจากการส่ง E-mail Forward นั้น หลายต่อหลายครั้ง ผู้เขียนเชื่อว่าเจ้าของอีเมล์ทุกคนจะต้องเคยได้รับ E-mail Forward ที่เป็นข้อความเกี่ยวกับการขอความช่วยเหลือ ซึ่งหนึ่งในหลาย ๆ คนที่ได้รับข้อความดังกล่าว ซึ่งรวมถึงตัวผู้เขียนด้วย (ตามความเป็นจริง) ในความเข้าใจช่วงแรกของผู้เขียน ผู้เขียนมีความคิดเห็นต่อการส่ง E-mail Forward ที่มีข้อความดังกล่าวอันเกี่ยวกับการขอความช่วยเหลือนั้นว่า เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีความสำคัญมากเท่าไรนัก เพราะถึงอย่างไร การส่ง E-mail Forward เช่นนั้นไม่น่าจะมีความหมายหรือได้ผลแต่อย่างใด เนื่องจาก เช่นตัวผู้เขียนเองเมื่อคิดเช่นนี้ แล้วและรู้ว่าตนไม่สามารถทำการช่วยเหลือบุคคลเหล่านั้นได้ สุดท้ายก็จะต้องลบข้อความดังกล่าวทิ้ง ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าไม่ได้มีแต่ผู้เขียนอย่างแน่นอน แต่ผู้เขียนอยากจะกล่าวว่า ความเข้าใจเช่นนั้นในเวลานั้น เป็นความเข้าใจที่ผิด และผิดอย่างมาก เพราะในความเป็นจริงของความเป็นจริงอย่างจริงที่สุดแล้วนั้น ถึงแม้ว่า ข้อความที่บ่งบอกถึงการขอความช่วยเหลือ ยกตัวอย่างเช่น การขอบริจาคเลือด การขอทุนทรัพย์ในการช่วยเหลือเด็กพิการ หรือผู้ที่ทุกข์ยากลำบาก ตลอดจนทุนทรัพย์ในการช่วยเหลือที่เป็นเสมือนการสร้างชีวิตใหม่ของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ให้มีชีวิตใหม่ได้นั้น แม้บางครั้งเจ้าของอีเมล์ เฉกเช่นผู้เขียนกับข้อความที่ขอความช่วยเหลือในบางครั้ง อาทิ การขอบริจาคเลือดของผู้ป่วยวัยชราใกล้เสียชีวิตคนหนึ่งในต่างจังหวัด จริงอยู่ที่ผู้เขียนไม่สามารถที่จะทำการบริจาคให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุประการใด แต่อย่าลืมว่า แม้เราไม่สามารถจะช่วยชีวิตเขาได้ด้วยการไปบริจาคเลือดให้ แต่สิ่งที่เราทำได้ คือการที่เราส่ง E-mail Forwardไปยังผู้คนอีกมากมาย ซึ่งบุคคลเหล่านั้นอาจจะเป็นตัวแทนของเราที่อาจจะกระทำการต่าง ๆ แทนเราได้ ไม่ว่าจะด้วยความใกล้ไกลของพื้นที่ หรือปัจจัยอื่น ๆ
เพียงการส่ง E-mail Forward เพื่อช่วยเหลือผู้ซึ่งต้องการความช่วยเหลือแค่คลิกเดียวนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว ยังถือว่า เป็นการทำให้ผู้ส่งได้บุญอีกด้วย อีกทั้งการกระทำดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นการเสียเวลาหรือค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ดังนั้นไม่ใช่สิ่งที่ยากเลย
เพราะฉะนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ได้รับ E-mail Forward ที่ซึ่งได้ร้องขอความช่วยเหลือไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม หากไม่เป็นการรบกวนหรือเสียเวลาแต่อย่างใด กรุณาช่วยคลิกเพื่อ Forward E-mail เหล่านั้นไปยังบุคคลอื่นต่อ ๆ ไป แทนการคลิกเพื่อลบอีเมล์เหล่านั้นทิ้ง และท้ายที่สุดนี้ ผู้เขียนต้องการที่ฝากไว้ว่า การทำความดีนั้น ทุกคนสามารถทำได้เพียงแค่คลิกเดียว และในการคลิกแค่ครั้งเดียวของคุณอาจให้ชีวิตใหม่แก่บุคคลที่รอความช่วยเหลืออีกจำนวนมากได้ โดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายให้ยุ่งยากเลย
นางสาวจุรีรัตน์ มูลเมือง
รหัส 4819098
มีดสองคมและเครื่องมือทางกฎหมาย
อินเตอร์เน็ต ในยุคที่เรียกว่ายุคของโลกที่ไร้พรมแดนนี้ อินเตอร์เน็ตเป็นได้และทำได้ในหลาย ๆ อย่าง แม้กระทั่งการสร้างคน ณ ที่นี้หมายถึง การก่อเกิดองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่จะทำให้มนุษย์ในสังคมโลกได้รับรู้ เรียนรู้ แลกเปลี่ยนและรับเอามาใช้ มาปฏิบัติให้เกิดผลดีต่อสังคม เมื่อมนุษย์เรา มีความรู้ ความสามารถ ประกอบกับความมีมนุษยธรรมอยู่ในตัวแล้ว แน่นอนว่าย่อมเป็นคนดีในสังคมและนำไปสู่การพัฒนาประเทศได้เช่นกัน
แต่ทั้งนี้ ในขณะเดียวกัน เมื่อสื่อดังกล่าว เปรียบได้เหมือนมีดสองคม ย่อมที่จะมีทั้งด้านบวกและด้านลบ หากมองในอีกแง่มุมหนึ่ง อินเตอร์นอกจากจะสามารถสร้างคนตามความหมายข้างต้นได้แล้ว แต่ในเวลาเดียวกัน ก็สามารถทำลายชีวิตของหลาย ๆ คนได้เหมือนกัน
ณ วันนี้ อินเตอร์เน็ตเป็นเหมือนสื่อกลาง ที่เป็นสะพานคอยเชื่อมให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้นในสังคม เพราะการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์อันควร ซึ่งจะเห็นได้จาก ข่าวต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้น โดยสะท้อนให้เห็นถึงความร้ายแรงจากการใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่ควรของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตนั่นเอง
การที่ได้กล่าวว่า อินเตอร์เน็ต สามารถที่จะทำลายชีวิตของคน ๆ หนึ่งได้นั้น หมายถึง ด้วยความสามารถอันยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งของอินเตอร์เน็ตที่ทำให้ข้อมูลข่าวสารส่งถึงกันได้อย่างรวดเร็วและแพร่หลาย ทำให้ภาพ หรือข้อความ ฯลฯ ที่คน ๆ หนึ่งต้องการเผยแผ่ไปยังทั่วโลกนั่น สามารถทำได้ เพียงคลิกเดียว เช่น การเผยแพร่การตัดต่อภาพดารา วิดีโอหรือภาพแอบถ่าย เป็นต้น และนี้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ถือเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น หรือความต้องการที่จะทำลายชื่อเสียง เกียรติยศ ภาพพจน์ ฯลฯ ซึ่งก็อาจส่งผลร้ายต่อเจ้าของภาพหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในภาพที่ถูกนำเผยแผ่ได้มากทีเดียว และบ่อยครั้งที่ระดับความรุนแรงหรือความเสียหายนั้นมากถึงความสูญเสียต่อชีวิต เพราะการที่ไม่สามารถทนอยู่และรับรู้ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้ สุดท้ายก็จำต้องจบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย
แต่อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางของโลกไร้พรมแดนนี้ หลาย ๆ ประเทศ เช่น ประเทศไทยของเรา ก็มีเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ถือได้ว่า เป็นตัวที่สร้างความชอบธรรมหรือความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งก็คือเครื่องมือทางกฎหมาย ที่ได้คุ้มครองสิทธิของบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดของบุคคลอื่นอันเนื่องมาจากการใช้ประโยชน์จากคอมพิวเตอร์ในทางที่ผิดไว้ด้วย ซึ่งก็คือกฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ยกตัวอย่างเช่น
มาตรา ๑๖ ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธ ีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด
ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้
ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย.
ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นส่วนหนึ่งในสังคมโลกของยุคไร้พรมแดนนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใส่ใจ สนใจ ศึกษา และเรียนรู้อย่างมากในเรื่องของกฎหมายอันเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตประจำวันของเรา เพราะเราต้องมีความรู้ในส่วนนี้เพื่อรองรับหรือเตรียมพร้อมไปพร้อม ๆ กับความล้ำหน้าของคอมพิวเตอร์ หรืออินเตอร์ที่อาจจะกลายไปเป็นงูที่กลับมาฉกเราในอนาคตก็อาจเป็นได้.
นางสาวจุรีรัตน์ มูลเมือง
รหัส 4819098
มือถือเมื่อมาถึงยุคที่ 3
ยุค 1G เป็นยุคแรกของการพัฒนาระบบโทรศัพท์แบบเซลลูลาร์ การรับส่งสัญญาณใช้วิธีการมอดูเลตสัญญาณอะนาล็อกเข้าช่องสื่อสารโดยใช้การแบ่งความถี่ออกมาเป็นช่องเล็ก ๆ ด้วยวิธีการนี้มีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนช่องสัญญาณ และการใช้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงติดขัดเรื่องการขยายจำนวนเลขหมาย และการขยายแถบความถี่ ประจวบกับระบบเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุกำหนดขนาดของเซล และความแรงของสัญญาณเพื่อให้เข้าถึงสถานีเบสได้ ตัวเครื่องโทรศัพท์เซลลูลาร์ยังมีขนาดใหญ่ ใช้กำลังงานไฟฟ้ามาก ในภายหลังจึงเปลี่ยนมาเป็นระบบดิจิตอล และการเข้าช่องสัญญาณแบบแบ่งเวลา โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ 1G จึงใช้เฉพาะในยุคแรกเท่านั้น
ยุค 2G เป็นยุคที่พัฒนาต่อมาโดยการเข้ารหัสสัญญาณเสียง โดยบีบอัดสัญญาณเสียงในรูปแบบดิจิตอล ให้มีขนาดจำนวนข้อมูลน้อยลงเหลือเพียงประมาณ 9 กิโลบิตต่อวินาที ต่อช่องสัญญาณ การติดต่อจากสถานีลูก หรือตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่กับสถานีเบส ใช้วิธีการสองแบบคือ TDMA คือการแบ่งช่องเวลาออกเป็นช่องเล็ก ๆ และแบ่งกันใช้ ทำให้ใช้ช่องสัญญาณความถี่วิทยุได้เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกมาก กับอีกแบบหนึ่งเป็นการแบ่งการเข้าถึงตามการเข้ารหัส และการถอดรหัสโดยใส่แอดเดรสหมือน IP เราเรียกวิธีการนี้ว่า CDMA - Code Division Multiple Access ในยุค 2G จึงเป็นการรับส่งสัญญาณโทรศัพท์แบบดิจิตอลหมดแล้ว
ยุค 3G เป็นยุคแห่งอนาคตอันใกล้ โดยสร้างระบบใหม่ให้รองรับระบบเก่าได้ และเรียกว่า Universal Mobile Telecommunication Systems (UMTS) โดยมุ่งหวังว่า การเข้าถึงเครือข่ายแบบไร้สาย สามารถกระทำได้ด้วยอุปกรณ์หลากหลาย เช่น จากคอมพิวเตอร์ จากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ระบบยังคงใช้การเข้าช่องสัญญาณเป็นแบบ CDMA ซึ่งสามารถบรรจุช่องสัญญาณเสียงได้มากกว่า แต่ใช้แบบแถบกว้าง (wideband) ในระบบนี้จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า WCDMA
เมื่อเราพอจะรู้จักวิวัฒนาการคราวๆของมือถือกันไปแล้วนะคะ อย่างที่เรารู้กันดีนะคะว่าตอนนี้มือถืกลยเป็นสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของเรา แทบชนิดที่เรียกว่าบางคนขาดถือถือแทบขาดใจ เพราะในปัจจุบันมือถือไม่ใช่เพียงแต่เป็นช่องทางที่เราจะติดต่อสื่อสารพูดคุยกันเท่านั่นนะคะ ยังจะมีแอพพิเคชั่นกฃหรือเมนูเสริมอื่นอีก อย่างที่เรารู้จักกันก็มี การส่งข้อความทั้ง SMS MMS ฟังเพลงบนมือถือไม่ว่าจะเป็นฟังคลื่นวิทยุหรือMP3 กล้องถ่ายรูป กราฟฟิกบนจอมือถือนั้นมีความละเอียดที่สูงมาขึ้น ทำให้เราสารถโหลดเกม เล่นวีดีโอ ท่องอินเตอร์เน็ค แชทMSNบนมือถือ การเกาะติดสถานการณ์ข่าวสารหรือแม้กระทั่งแผนที่บนมือถือ นั้นแหละคะทั้งหมดก็ต้องยกความดีความชอบให้กับระบบ 3G นั้นเองที่ทำให้บนมือถือของเรามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ระบบ 3G ช่วยอำนวยความสะดวกของเราผ่านมือถือ ในยุคก่อนๆใครที่มือถือแทบจะเรียกได้ว่าทันสมัย การที่เราคุยกันผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ที่เดียว แต่ในยุคนี้ที่อะไรๆก็พัฒนาก้าวหน้าทันสมัยไปเสียหมดนั้นแหละคะ แทบไม่น่าจะเชื่อเลยว่าเพียงแค่มือถือเครืองเล็กๆจะเป็นอะที่มากกว่าเครื่องมือสื่อสาร แล้วก็ข่าวล่าสุดในตอนนี้เราสามารถคุยกันโดยที่เห็นหน้าตากัน แต่ระบบนี้สามารถใช้ได้เฉพาะผู้ที่ใช้โทรศัพท์ในระบบ GSM และโทรศัพท์ที่มีกล้องบนมือถือ 2 ตัว หรือสามารถบิดกล้องได้ (คู่สนทนาควรจะเป็นระบบเดียวกันทั้งเครือข่ายโทรศัพท์และคุณสมบัติของมือถือที่รองรับระบบ) สำหรับคุณสมบัติของกล้องค่อนข้างจะสูงทำให้ราคาของเครื่องก็สูงตามด้วยเช่นกัน ผู้ที่สนใจจะใช้ระบบสนทนานี้ก็ต้องตัดสินใจดีละคะว่าเหมาะสมกับเรารึเปล่า และเมื่อใช้แล้วจะสามารถพูดคุยกับใครได้บ้างนะคะ ซึ่งในระบบนี้ก็เป็นทีนิยมในต่างประเทศแล้ว แต่สำหรับประเทศไทย ยังคงรอดูกันต่อไปว่าจะเป็นที่นิยมกันรึเปล่า
ดวงใจ ดอกจันทร์
รหัส 4819104
GMail ขีดสุดความล้ำหน้าด้านธุรกิจสารสนเทศ
ในเริ่มแรกเรามารู้จักประวัติคราวของเจ้า Gmail กันดีกว่าคะ Gmail ได้ถูกเปิดตัวขึ้นโดยกูเกิ้ล เว็บไซด์ที่เรารู้จักกันดีนั่นแหละคะ ในวันที่ 1 เมษายน 2547 ซึ่งเมื่อเราดูแบบผิวเผินก็จะดูเหมือนว่า Gmail อาจจะเหมือนเว็บไซด์ที่ให้บริการเมล์ทั่วๆไป อย่างเช่น Hotmail หรือ Yahoo ที่ได้เปิดให้บริการนานมากแล้วจนเป็นที่รู้จักกันดี ซึ่งผู้ที่ใช้บริการก็จะมี e-mail เป็นของตัวเอง เช่น hima_wari_@hotmail.com ซึ่งเราสามารถเลือกชื่อ e-mail ของเราได้เองคะ ถ้าหากชื่อที่เราใช้ซ้ำกับคนอื่น ทางระบบก็จะแจ้งให้เราทราบเมื่อเราทำการสมัคร เมื่อเราต้องการใช้บริการก็จะต้องเข้าไปในหน้าเว็บไซด์นั้นๆ เพื่อจะทำการล็อกอินเข้าไปใช้บริการ และเมื่อเราล็อกอินเข้าไปแล้วเราก็จะสามารถใช้บริการต่างได้ เช่น อ่านเมล์ ส่งเมล์ ซึ่งจะต้องทำผ่านหน้าเว็บไซด์ที่ผู้ให้บริการกำหนดไว้เท่านั้น ดังนั้นในหน้าเว็บไซด์ที่เราใช้บริการก็จะมีโฆษณาของ banner ต่างๆแทรกเอาไว้ เพื่อเป็นการแลกการใช้บริการฟรีของเราเองนั่นแหละคะ ซึ่งมองในแง่ของผู้ใช้ก็ไม่เสียหายอะไร ดูโฆษณานิดหน่อย ไม่เป็นไรมาก ตราบใดที่เค้ายังให้เราใช้ฟรี Business model ก็ไม่ต่างจาก ทีวี หรือ วิทยุ ที่ให้บริการฟรี แต่ก็มีโฆษณาคั่นกลาง เป็นระยะ ๆ แต่พอกูเกิ้ลเปิดตัวได้ไม่เท่าไหร่ Gmail ก็ได้กลายเป็นเรื่องที่คนบนอินเตอร์เน็ตพูดถึงกันมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ก็ทำไม่จะไม่เป็นอย่างนั้นหล่ะคะ ในเมื่อสิ่งที่ Gmail เสนอให้แก่ผู้ใช้บริการ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครทำได้มาก่อน ใน 2-3 เรื่องหลักๆด้วยกัน
ในเรื่องแรกที่เราจะพูดถึงคือ เนื้อที่การจัดเก็บของเมล์นะคะ เพราะ Gmail ใจดีมาก เนื้อที่จัดเก็บเมล์มากถึง 1000 Mbytes (1 GBytes) เลยทีเดียว บางคนอาจจะนึกภาพไม่ออกใช่ไหมละคะว่าจะมากเท่าไหร่ ถ้าจะอธิบายให้เห็นถึงภาพแบบคร่าวๆได้ว่าปกติในหนึ่งเมล์จะมีขนาดเฉลี่ยประมาณ 3 Kbytes (หรือประมาณ 3000 ตัวอักษร) ถ้าเรามีเนื้อที่ถึง 1GBytes เราก็เก็บอีเมล์ได้ประมาณ 300,000 กว่าฉบับ อย่างสบายๆ ถึงกับไม่ต้องเลือกลบเมล์อันไหนดี หรือจะกังวลว่าเมื่อไหร่ที่เมล์บอกซ์ของเราจะเต็ม เราก็เลิกเป็นกังวลกับเรื่องเหล่านี้ได้เลยคะ เพราะว่ามีพื้นที่ให้เราจัดเก็บได้เหลือเฟือเลย แม้กระทั่งเมล์ขยะเราก็ไม่ต้องลบก็ได้คะ เหอะๆๆ อะไรจะเยอะซะขนาดนั้นใช่ไหมละคะ เรียกว่าแค่มี Gmail เพียง e-mail เดียวก็สามารถรับ-ส่งเมล์ได้มากเหลือเกินความต้องการของผู้ใช้เสียด้วยซ้ำไป ทำให้เรื่องนี้ทั้งได้รับคำชมว่ายอดเยี่ยมที่สุด ที่มาพร้อมกับคำวิจารณ์ ซึ่งสองสิ่งนี้คงจะแยกจากกันไม่ออกหรอกคะ
เรื่องที่สอง ก็คือเรื่องของการจัดเรียงและค้นหาเมล์ และเนื้อหาภายในเมล์ หลายคนคงเป็นกังวลใช่ไหมละคะว่าถ้ามีเมล์เยอะอย่างนี้ เวลาที่เราต้องการอ่านซ้ำหรือค้นหาเมล์จากเพื่อน คงจะเสียเวลาทั้งวันและตาหลายกับการค้นหา แต่มีข่าวดีมาบอกคะว่า Gmail เข้าใช้เทคโนโลยีในการค้นหาซึ่งมีความเร็วสูง เหมือนกับการที่เราใช้บริการค้นหาบนเว็บกูเกิ้ลนั่นแหละคะ ในการค้นหาเมล์ของเรา รวมถึงการจัดหมวดหมู่ของเมล์ ซึ่งทางระบบจะทราบว่าเรากำลังคุยกันเรื่องอะไร โดยแยกเป็นหมวดกีฬา เรื่องเรียน แต่เพื่อนๆไม่ต้องตกใจนะคะ ว่ามีคนมาอ่านเมล์ของเรา เพราะอย่างนั้นคงต้องอ่านเมล์เป็นพันๆ หมื่นฉบับ แต่ที่ระบบทราบนั้นก็เพราะโปรแกรมที่ประมวลจากเนื้อหาในเมล์มาแยกหมวดหมู่คะ นอกจากนี้ยังมีการแยกเมล์จากผู้ส่งด้วยคะอย่างเช่น Me, June (3) ก็คือทาง Gmail จะจัดเก็บเมล์ที่มีตัวผู้ส่งคนเดียวกันไว้ด้วยกัน Me ก็คือเราที่ส่งเมล์ตอบกับเพื่อนเรา June ก็คือชื่อเพื่อนเราที่เราติดต่อด้วย ก็จะทราบว่าเรากับเพื่อคนนี้ส่งเมล์โต้ตอบกัน และสุดท้ายเลขที่อยู่มนวงเล็บก็คือจำนวนเมล์ที่เพื่อนเราส่งมาให้นะคะ
แหละทั้งสองเรื่องที่กล่าวมานั้นแหละคะก็ได้กลายเป็นจุดขายให้กับกูเกิ้ล ซึ่งเราสามารถเข้าระบบ e-mail ของเราผ่านเว็บไซด์กูเกิ้ลได้เลยคะ นอกเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว หากเราล็อกอินเพื่อนๆที่ยังไม่คุ้นกับการใช้งานก็คลิกเข้าไปที่ ตัวช่วยที่อยู่มุมบนขวามือจะจะปรากฏหน้าเว็บใหม่เพื่ออธิบายการใช้งานต่างๆ เช่น การสนทนาคืออะไร การกำจัดเมล์ขยะ เป็นต้น ส่วนเพื่อนๆคนไหนที่ยังไม่มี Gmail ก็ลองสมัครใช้ดูได้นะคะ ว่าจะสะดวกสบายอย่างที่เข้าได้พูดอวดเอาตามข้างล่างนี้รึเปล่า หรือจะสมกับราคาคุยตามข้างบน
Gmail คือจดหมายทางเว็บรูปแบบใหม่ สร้างขึ้นจากแนวคิดว่าอีเมลนั้นน่าจะใช้งานง่าย มีประสิทธิภาพ และมีประโยชน์ยิ่งกว่าเดิม หรือกระทั่งทำให้เราใช้งานได้อย่างสนุก นอกจากนี้ Gmail ยังมีคุณสมบัติต่อไปนี้:
| -สแปมน้อยลง
|
| -การเข้าถึงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่
|
| -พื้นที่เหลือเฟือ
ดวงใจ ดอกจัทร์ รหัส 4819104
|
- | |