วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

การเลือกใช้หูฟังที่ดี ( EarPhone )


ปัจจุบันมนุษย์คนเราทำงาน กับเรียนหนักกันมากขึ้น ทำให้มนุษย์หันมาหาทางแก้ความเครียดมากมาย ทั้งการเล่นกีฬา อ่านหนังสือ ดูหนัง ฝังเพลง ฯลฯ แต่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ การฝังเพลง เนื่อจากสามารถที่จะฟังเพลงได้ทุกๆ ที่และง่ายต่อการใช้งาน แต่เดิมก่อนที่จะพัฒนาเป็น MP3 นั้น เป็นลักษณะของวิทยุเคลื่อนที่ และซาวเบ้าท์ เป็นการใช้งานในลักษณะแบบฟังจากเทป หรือซีดี แต่ปัจจุบันถูกพัฒนามาเป็น MP3 , MP4 ที่สามารถเล่นได้โดยไม่ต้องมีเทปกับซีดี เพียงแต่โหลดข้อมูลลงไปเท่านั้น แต่การที่เราฟังเพลงไปนานๆ อาจมีความรู้สึกที่เจ็บหู รับฟังเสียงที่ไม่ชัด อาจมีสาเหตุมาจากที่หูฟังไม่ได้เรื่อง หรือราคาถูกๆ ที่ไม่ถนอมหูของเราเวลาฟังเพลง ดังนั้นข้าพเจ้าจึงหยิบยกเรื่องราว “หูฟัง” มาแบ่งปันกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อ่าน

คือว่าข้าพเจ้าเป็นคนนึงที่เป็นคนชอบฟังเพลงมากๆเอาเป็นว่าค่อนข้างติดการฟังเพลงก็แล้วกัน เปรียบเหมือนคนที่เครียดแล้วต้องการบำบัดด้วยเสียงเพลงอ่ะ ( เป็นงี้ทุกทีสิน่า ) การฟังเพลงปรกติจะต้องมีเครื่องถ่ายทอดเสียงออกมา ในที่นี้ข้าพเจ้าจะพูดแค่หูฟังแล้วกัน หรือที่ฝรั่งเค้าเรียกว่า ear

phone นั่นหล่ะครับ ประสบการณ์หูฟังที่ข้าพเจ้าประสบมาคือ วันหนึ่งข้าพเจ้าไปเดินเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แล้วก็แค่เดินผ่านๆร้านอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ก็เลยเหลียวเข้าไปดูแล้วก็เห็นในโซนหูฟัง แล้วเห็นบางสิ่งบางอย่างแทงตามากๆ คือ จำนวนตัวเลข หูฟังยี่ห้อหนึ่งราคา 20000 บาท ข้าพเจ้าไม่ได้พิมพ์ผิดอย่างแน่นอน มันสองหมื่นจริงๆ ข้าพเจ้าเลยจิงจำชื่อรุ่นไว้แล้วนำมาหาใน google ที่เราเรารู้จักกันแล้วก็ทำให้ข้าพเจ้าทึ่งว่าราคาในเนตสำหรับเจ้าตัวนี้ก็ไม่ต่างจากห้างสักเท่าไหร่ ราคาค่าตัวมันอยู่ที่ 19000 กว่าๆ แต่ว่าเท่านั่นยังไม่พอ (ออกเสียงเหมือนรายการขายสินค้า... หุหุ) มันมีราคาสูงกว่านั่นอีก OH! my Buddha ….. ใครจะซื้อเนี่ย(ฟะ) เลยลงไปลึกกว่านั่นก็ปรากฏว่ามีจำนวนคนไม่น้อย(แต่ก็ไม่มากนะ)พูดถึงเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้ และได้มีริวิวเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้แต่ว่าข้าพเจ้าไม่ขอพูดถึงแล้วกัน แต่ว่าที่เห็นๆ ต่างจากหูฟังราคา 99 ที่ข้าพเจ้าใช้คือจะมี กล่องเก็บหูฟัง,ขนาดของหูฟัง (ซิลิโคน), และก็แพคเกจสวยงามคือดูแล้วราคาแพงแน่ๆและที่สำคัญคือยี่ห้อ ทีแรกที่ข้าพเจ้าคิดคือเออ แค่สวยและหรูหราแต่พอได้อ่านบทความรีวิวในเวปเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้ที่ข้าพเจ้าจับใจความได้คือ ปรกติหูฟังที่เราฟังๆกันอยู่นั่น จะมี เสียง สูง,กลาง,ต่ำ และเบส ซึ่งในหูฟังแต่ละตัวจะมี driver เป็นตัวขับเสียงเพื่อให้เสียงออกมาเป็นเสียงแบบที่เราฟัง ซึ่งหูฟังราคาแพงนั้นจะดีกว่าก็ตรงที่ สามารถแยกแยะรายละเอียดเกี่ยวกับชิ้นดนตรีและเสียงร้องที่ประกอบอยู่ในเพลงๆนั้น และ สิ่งเหล่านี้นี่เอง จึงทำให้หุฟังเทพที่ข้าพเจ้าว่ามานี้ ได้แบ่งเสียงต่างๆอย่างชัดเจนเช่นเวลาเราฟังเพลงที่มีเสียงกีต้า กลอง และเสียงคนร้อง พอถึงท่อนที่เสียงกีต้าโซโล่เพลง มันเปรียบเสมือนเสียงมันลอยออกมาเป็นมิติ เลยทีเดียว และฟังได้อย่างเป็นมิตรกับหูคือไม่ปวดหู คือว่าเท่าที่ศึกษามานะ เสียงจะมีความถี่ที่แตกต่างกันไปจึงถ่ายทอดออกมาเป็นเสียงได้ และหูฟังที่ราคาถูกๆ นี้มันจะให้เสียงแต่ละค่าไม่ค่อยสม่ำเสมอ เช่นแบบว่าเสียงสูงก็จะสูงแทงแก้วหู หรือว่าบางตัว จำกัดเสียงสูงไว้ก็จะทำให้เสียงสูงไม่ใสนั่นเอง สิ่งพวกนี้มันจะทำลายปราสาทหูเราจนเราหูตึง ในอนาคตได้ และหูฟังที่คุณภาพดีดี จะทำให้เราฟังแล้วไม่ล้าหู คือว่าฟังได้เรื่อยเหมือนไม่ได้ใส่อะไรอ่ะ เสียงใสๆ ก็จะไหลเข้า หูทั้งสองข้างเรา ( ถ้าใส่มันสองข้างนะ 555)

แต่จากการเป็นตัวของตนเองของข้าพเจ้า คือไม่ว่าหูฟังที่ราคาแพงหรือว่าถูก ถ้าเราเปิดเสียงดังเกินกว่าที่ปราสาททางหูเราต้องการ (จากที่ได้ยินมาคือ 80dB ) จะทำให้หูหนวกได้นะเพราะฉะนั่นฟังไม่ได้ดังมากหรอก ถ้าคนพลุกผล่านก็ไม่ต้องเร่งจนเอาชนะ ลำบางหูเราเปล่าๆ แต่ว่าที่คนเยอะๆ หรือว่าสิ่งแวดล้อมสร้างเสียงที่เราไม่ปราถนา ซึ่งรบกวนการฟังเพลงของเราก็ให้ ไปหาซื้อหูฟัง in-ear มาใช้ซะเพราะว่าหูฟังแบบนี้สามารถลดเสียงรบกวนได้มากถึง 90% เลยทีเดียว จะได้ทำให้เราไม่ต้องเปิดเพลงดังๆให้มารบกวน หูที่ใช้ฟังอยู่ทั้งสองข้างตอนนี้อ่ะ(หวังว่าตอนนี้คงมีกันทุกคน) ด้วยความหวังดี และหวังว่าบทความที่ได้เขียนขึ้นมานี้มีประโยชน์ไม่มากก็น้อย เพื่อรักษา ทั้งนี้ถนอมหูของเราให้มีสุขภาพที่ดี ไปนานๆ นะค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น: